เมืองโบราณจันเสน และพิพิธภัณฑ์จันเสน | ||
ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลจันเสน สันนิษฐานว่าอยู่ในสมัยทวารวดี บริเวณเมืองโบราณมีคูเมืองเป็นเนินดินโดยรอบ เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่มุมทั้งสี่เป็นรูปมนจนเกือบเป็นวงกลม ล้อมรอบด้วยคูเมืองซึ่งกว้างประมาณ 20 เมตร ปัจจุบันยังมีสภาพเป็นที่ลุ่มน้ำขัง แต่ยังเป็นร่องรอยพอมองเห็นเค้าคูเมืองได้อย่างชัดเจน มีความยาวประมาณ 800 เมตร กว้าง 700 เมตร คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่เศษ เนื่องจากบริเวณภายในคูเมืองดังกล่าวมีลักษณะเป็นเนินสูงกว่าพื้นที่รอบนอก คูเมือง ชาวบ้านเรียกว่า “โคกจันเสน” |
||
บึงบอระเพ็ด | ||
เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดใน ประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ 132,737 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง ในอดีตบึงบอระเพ็ดได้ชื่อว่าเป็น "ทะเลเหนือ" หรือ "จอมบึง" เพราะมีสัตว์และพันธุ์พืชน้ำอยู่มากมาย จากการสำรวจพบว่ามีสัตว์อาศัยอยู่ประมาณ 148 ชนิด พืช 44 ชนิด เคยพบสัตว์หายากที่นี่ ได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ปลาเสือตอ ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมจะมีนกเป็ดน้ำจำนวนมากอพยพมาที่บึงแห่งนี้ นกประจำถิ่น ได้แก่ อีโก้ง อีแจว ปากห่าง ซึ่งจะวางไข่ในเดือนกรกฎาคม-มีนาคม พื้นที่บางส่วนได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า บึงบอระเพ็ดอยู่ในความดูแลของกองอนุรักษ์สัตว์ป่า และยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา โดยกรมประมงได้มาตั้งสถานีพัฒนาประมงบึงบอระเพ็ดไว้ด้วย |
||
วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ | ||
เป็นวัดในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตั้งอยู่ที่ บ้านเขาโคกเผ่น ตำบลทำนบ อำเภอท่าตะโก พื้นที่วัดสร้างเป็นรูปเรือหลวงบนยอดเขา เรือมีนามว่า ราชญาณ นาวา ฑีฆายุ มงคล ซึ่งสื่อความหมายถึง พาหนะที่จะช่วยให้พ้นห้วงกิเลส ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างที่ล้วนเป็นมงคลมากมาย อาทิ |
||
อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา | ||
ตั้งอยู่ที่บริเวณบึงบอระเพ็ด ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ ก่อนข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าตัวเมืองนครสวรรค์ 1 กิโลเมตร มีทางแยกขวาไปบึงบอระเพ็ด 6 กิโลเมตร อาคารมีลักษณะเป็นรูปเรือกระแชง หรือเรือเอี้ยมจุ๊น ซึ่งเป็นเรือบรรทุกสินค้าในแม่น้ำเจ้าพระยาในอดีต ขนาดกว้าง 37 เมตร ยาว 49 เมตร จัดแสดงพันธุ์ปลาต่าง ๆ กว่า 100 ชนิด ภายในตัวอาคารประกอบด้วยอุโมงค์ปลา ความยาว 24 เมตร แสดงปลาน้ำจืดหลากหลายพันธุ์ อาทิ ปลากระเบนราหูน้ำจืด ปลาบึก ปลาสะตือ แรดดำ สวายเผือกตาแดง ตะเพียนขาว ตะเพียนทอง ซิวอ้าว และปลาม้า นอกจากนี้ยังมีตู้แสดงพันธุ์ปลารอบ ๆ อุโมงค์กว่า 30 ตู้ ประกอบด้วยปลาหายากและปลาสวยงามนานาชนิด เช่น ปลาตามิน ปลาหมอช้างเหยียบ ปลาเสือพ่นน้ำ ปลากระโห้ไทย ปลาตะเพียนขาว ตะเพียนทองทรงเครื่อง และปลากาแดง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสใกล้ชิดกับฉลามกบและเม่นทะเลที่บ่อปลา Touch Pool นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงตู้ปลาน้ำเค็มในส่วนห้องโถงด้านหน้าอุโมงค์อีกด้วย สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีห้องอาหาร ร้านขายของที่ระลึกไว้บริการ เปิดใหเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 -18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 9.30-18.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท รายละเอียด ติดต่อ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด โทร.0 5627 4525 |
||
ทุ่งหินเทิน | ||
ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ตำบลปางสวรรค์ อำเภอแม่วงก์ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 70 กิโลเมตร หรือจากอำเภอลาดยาวไปตามถนนลาดยางบ้านห้วยน้ำหอม ประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นทุ่งหญ้าเชิงเขาที่มีกลุ่มก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งวางซ้อนกันอยู่หลายแห่ง หลายรูปแบบ กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ในลักษณะที่สัมผัสกันเพียงเล็กน้อยเหมือนมีคนจับวาง นับเป็นสวนหินธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา |
||
เขาหน่อ-เขาแก้ว | ||
อยู่ริมทางหลวงสายพหลโยธิน ช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย ระยะทางจากตัวจังหวัดประมาณ 45 กิโลเมตร และจากตัวที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ 18 กิโลเมตร เขาหน่อเป็นเขาหินปูนที่มีวัดเขาหน่ออยู่เชิงเขา มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิว ระหว่างทางมีถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จภาคเหนือทางชลมารคสายแม่น้ำปิง เคยทรงประทับพักแรมที่นี่ ต่อมาจังหวัดได้สร้างพระบรมรูปไว้เป็นอนุสรณ์ บริเวณเชิงเขามีฝูงลิงจำนวนมาก คอยรับอาหารจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือน นอกจากนี้เวลาเย็นจะมองเห็นฝูงค้างคาวที่อาศัยอยู่ตามถ้ำน้อยใหญ่ในภูเขา บินออกไปหากิน ดูเป็นสายยาวสีดำอยู่บนท้องฟ้า ส่วนเขาแก้ว อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีถ้ำหลายถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของค้างคาวมากมาย ในเวลาเย็นใกล้พลบค่ำฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากิน |
||
หอชมเมือง นครสวรรค์ | ||
เทศบาลนครนครสวรรค์ ได้จัดสร้าง "หอชมเมือง" ขึ้น ณ ยอดเขาวัดคีรีวงศ์ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวมาเยือนนครสวรรค์ หอชมเมือง เป็นอาคาร 10 ชั้น สุงประมาณ 32 เมตร ประกอบด้วย ชั้นที่ 1 เป็นจุดประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและ OTOP ชั้นที่ 2 และ 3 ส่วนของ Indoor เป็นร้านอาหาร เครื่องดื่ม Internet Cafe’ ส่วน Outdoor เป็นพื้นที่ที่สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวจัดกิจกรรมกลางคืน เช่น ดูดาว สำหรับท่านที่สนใจเรื่องดาราศาสตร์ ชั้นที่ 10 เป็นจุดที่จัดไว้สำหรับชมตัวเมืองนครสวรรค์ โดยเทศบาลเมืองนครสวรรค์ ได้จัดกล้องส่องทางไกลไว้เพื่อความชัดเจนในการชมเมือง หอชมเมือง นครสวรรค์ เปิดให้เข้าชม วันจันทร์ – วันศุกร์ เปิดเวลา 10.00 น – 16.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุกนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 10.00 น – 20.00 น. ค่าบัตรเข้าชม เด็ก ราคา 10 บาท ผู้ใหญ่ ราคา 20 บาท |
||
อุทยานสวรรค์ | ||
เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ กลางเมืองนครสวรรค์มีผู้นิยมไปพักผ่อนหย่อนใจกันมาก มีเนื้อที่ 314 ไร่ ใกล้ทางแยกสายเชียงใหม่ - พิษณุโลก ติดกับถนนสายเอเซีย อุทยานสวรรค์ประกอบด้วยหนองน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า หนองสมบุญ มีถนนวงแหวน 2 ชั้นล้อมรอบ ตรงกลางเป็นเกาะซึ่งมีเนื้อที่ 4 ไร่ มีสวนหย่อม สนามหญ้า น้ำพุ เวทีกลางแจ้ง น้ำตก ริมฝั่งน้ำภายในอุทยานจัดเป็นสวนสุขภาพ ด้านหน้าของสวนสาธารณะสร้างอย่างสวยงาม มีห้องน้ำ ห้องแต่งตัวบริการแก่นักท่องเที่ยว |
||
วัดเกรียงไกรกลาง | ||
ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลเกรียงไกร ริมฝั่งแม่น้ำน่าน ภายในวัดมีพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย และวิหารเก่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ระหว่าง พ.ศ. 2400-2430 เป็นสิ่งก่อสร้างเดียวของวัดที่ยังไม่มีการบูรณะ มีรอยพระพุทธบาทจำลอง ประดิษฐานอยู่ภายใน มีจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพพุทธชาติชาดก พระประธานในวิหาร คือ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีประวัติที่น่าสนใจคือ เมื่อกรุงสุโขทัยใกล้เสื่อมอำนาจลง และมีภัยสงครามอยู่เป็นประจำชาวสุโขทัยจึงได้นำพระพุทธรูปล่องแพมาตามลำน้ำ และเมื่อมาถึงปากน้ำเชียงไกล แพจมลงจึงนำพระพุทธรูปขึ้นและโบกปูนทับ เพื่อให้ปลอดภัยจากสงคราม จนกระทั่งเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พ.ศ.2147 ชาวบ้านได้สร้างวัดนี้ขึ้นตรงที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และนำพระพุทธรูปซ่อนไว้ในผนังพระอุโบสถเพื่อป้องกันภัยสงคราม และไม่มีใครล่วงรู้จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นร้อยปี เมื่อ พ.ศ.2511 ได้มีการซ่อมผนังพระอุโบสถจึงพบแต่พระพุทธรูปปูนธรรมดา นานวันเข้าปูนกะเทาะออกจึงทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ บริเวณหน้าวัดมีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และมีฟาร์มจระเข้ด้วย ตามปกติวิหารเก่า จะเปิดให้เข้าชมในช่วงเทศกาลเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมช่วงนอกเทศกาลสามารถแจ้งทางวัดให้เปิด ได้ การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 225 สายนครสวรรค์-ชุมแสง ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร ถึงตัววัดรวมระยะทางห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กิโลเมตร หรือเช่าเรือจากท่าน้ำเจ้าพระยา ล่องมาตามลำน้ำน่านขึ้นที่ท่าน้ำวัดเกรียงไกรกลาง |
||
วัดวรนาถบรรพต | ||
(เขากบ) เป็นวัดเก่าแก่ของนครสวรรค์ ตั้งอยู่บนยอดเขาและเชิงเขากบ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 185.50 เมตร มีทางขึ้น 2 ทางคือ ทางเดินขึ้นบันได จำนวน 437 ขั้น และอีกด้านหนึ่งมีถนนราดยางขึ้นสู่ยอดเขา ซึ่งมีโบราณวัตถุ อาทิ รอยพระพุทธบาทจำลอง เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งสร้างสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี บริเวณเชิงเขามีเจดีย์ขนาดใหญ่สมัยสุโขทัย ซึ่งกรมศิลปากรได้จารึกประวัติศาสตร์ของวัดไว้ที่ฐานของเจดีย์องค์นี้ด้วย วัดนี้ได้รับการยกย่องจากกรมการศาสนา และมหาเถรสมาคมให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อ พ.ศ. 2509 นอกจากนั้นในวัดยังมีรูปหล่อพระหลวงพ่อทอง อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดนครสวรรค์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารข้างเจดีย์ใหญ่ด้วย บริเวณเนินเขาใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของสถานีถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ ช่อง 3, 5, 7, 9 และ 11 จาก กรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดในภาคเหนือ โทร. 0 5633 6429 การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ( สายเอเชีย ) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ( เดิม ) มุ่งหน้าสู่เทศบาลจังหวัดนครสวรรค์ ก่อนเทศบาลจะมีแยกซ้ายมือขึ้นเขากบระยะทางจากตัวเมืองประมณ 1 กิโลเมตร |
||
ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม | ||
เรียกกันทั่วไปว่า ศาลเจ้าปึงเถ่ากง ตั้งอยู่บนถนนสายนครสวรรค์ - ชุมแสง ริมฝั่งขวา (ฝั่งตะวันออก) ของแม่น้ำเจ้าพระยาตรงบริเวณที่มีแม่น้ำสองสี สี่สายมารวมกันเรียกว่า ปากน้ำโผล่ หรือปากน้ำโพ ซึ่งเป็นจุดชมต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ศาลแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะและเป็นจุดรวมน้ำใจของชาวบ้านมากว่า 100 ปี นอกจากนี้ยังมี เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม เจ้าแม่สวรรค์ และเจ้าพ่อสามตา (เทพเจ้าแห่งทหารและการแสดง) และยังมีระฆังเนื้อสัมฤทธิ์ผสมเงินจารึกด้วยภาษาจีนซึ่งผู้มีจิตศรัทธาได้นำ มาถวายเมื่อปี พ.ศ. 2413 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โทร. 0 5625 5807 |
||
สถานีพัฒนาประมงน้ำจืดบึงบอระเพ็ด | ||
อยู่ทางด้านเหนือของบึง บอระเพ็ด ที่ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมือง ไปตามเส้นทางสายนครสวรรค์-ชุมแสง ทางหลวงหมายเลข 225 ประมาณ 9 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาอีก 2 กิโลเมตร เข้าไปยัง สถานีพัฒนาประมงน้ำจืดบึงบอระเพ็ด ในบริเวณมี ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด จัดแสดงตู้ปลาน้ำจืดชนิดต่าง ๆ เช่น ปลากระโห้ ปลากระเบนขาว ปลากะพงขาว ปลาเทโพ ปลายี่สก ฯลฯ เปิดให้ชมฟรี เวลา 08.30-16.30 น.ในวันธรรมดา และ 09.00-16.30 น.ในวันเสาร์-อาทิตย์ โทร. 0 5623 0183 นอกจากนี้ยังมีบ่อเพาะพันธุ์จระเข้ สะพานทางเดินชมธรรมชาติ และมีเรือหางยาวนำชมบึง เรือลำเล็กจุได้ 5 คน ไม่รวมคนขับ ราคา 300 บาท เรือลำใหญ่จุได้ 10 คน ราคา 400 บาท เรือจะล่องไปถึงเกาะลัดและกลับใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถนำอาหารไปรับประทานบนเรือได้ มีเรือบริการระหว่างเวลา 09.00-17.00 น. แต่ถ้าล่องในช่วงแปดถึงเก้าโมงเช้าจะพบนกได้ง่ายกว่า สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานีพัฒนาประมงน้ำจืดบึงบอระเพ็ด โทร. 0 5622 1561 |
||
เมืองโบราณโคกไม้เดน | ||
อยู่ที่ตำบลท่าน้ำอ้อย พบซากกำแพงเนินดิน ซึ่งแสดงถึงความเป็นเมืองเก่าสมัยสุโขทัย เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ได้ขุดพบรูปปั้นช้างพญาฉัททันต์ อายุกว่า 1,000 ปี คำว่า "โคกไม้เดน" เป็นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง คนสมัยเก่าเรียกบ้านโคกไม้เดนว่า "เมืองบน" สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 11-16 (พ.ศ. 1000-1500) ตัวเมืองบนมีลักษณะเป็นรูปรีคล้ายหอยสังข์ ขนาดยาวประมาณ 250 เมตร กว้าง 600 เมตร คล้ายกำแพงเมืองนครปฐม เมืองเสมา จังหวัดนครราชสีมา และเมืองพญาแร่ จังหวัดชลบุรี |
||
น้ำตกวังน้ำวิ่ง | ||
ตั้งอยู่ที่ตำบลลำพยนต์ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 100 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายตากฟ้า-โคกสำโรง ก่อนถึงวัดถ้ำพรสวรรค์ประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายจากถนนเข้าไปประมาณ 700 เมตร เป็นน้ำตกที่เกิดจากน้ำผุดไหลลดหลั่นกันอย่างสวยงาม ประมาณ 3 ชั้น มีน้ำตลอดทั้งปี บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อำเภอตากฟ้า โทร. 0 5624 1322 |
||
วัดบางมะฝ่อ | ||
เป็นวัดเก่าแก่สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จุดน่าสนใจอยู่ที่โบสถ์ มีประตูหน้าต่างรูปทวารบาล ฝาผนังด้านในเป็นภาพพุทธชาดก ในวิหารมีภาพพุทธประวัติเป็นฝีมือช่างเก่า พระประธานปางมารวิชัยมีความแปลกตรงที่มีตาลปัตรอยู่ด้วย และในวิหารมีรอยพระพุทธบาทที่งดงามมาก มีการจัดงานประจำปีของวัด ในวันแรม 9 ค่ำ และ 10 ค่ำ เดือน 11 เป็นประจำทุกปี |
||
วนอุทยานถ้ำเพชร-ถ้ำทอง | ||
ตั้งอยู่บนเขาชอนเดื่อ นอกจากมีทิวทัศน์ที่มีจุดสนใจจากผู้มองจากภายนอกที่มีสภาพป่าสลับกับภูเขา หินปูนแล้ว ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเขา เอกลักษณ์ที่สำคัญคือ ถ้ำหินปูนใหญ่น้อยกว่า 70 ถ้ำ ปัจจุบันเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว ได้แก่ |
||
วัดถ้ำพรสวรรค์ | ||
ตั้งอยู่ที่ตำบลลำพยนต์ ถนนลาดยางห่างจากตัวจังหวัด 105 กิโลเมตร ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 10 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 1สายตากฟ้า-โคกสำโรง กิโลเมตรที่ 224 วัดอยู่ทางซ้ายมือ ภายในแบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนแรกเป็นห้องเล็ก ตอนที่สองเป็นห้องใหญ่ มีพระพุทธรูปและสิ่งก่อสร้างอยู่มาก มีน้ำตกจำลอง สระน้ำตรงกลางถ้ำ พื้นถ้ำเทคอนกรีตหมด บรรยากาศเย็นสบาย ไม่มีค้างคาวอาศัยอยู่ ภายในถ้ำติดตั้งระบบไฟฟ้า และประปา ด้านข้างปากทางเข้าถ้ำมีพระพุทธบาทเกือกแก้ว |
||
วัดช่องแค | ||
ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลช่องแค เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี 2458 โดยหลวงพ่อพรหม ถาวโร พระเกจิชาวพระนครศรีอยุธยา หลังจากที่ท่านได้แวะธุดงค์ที่บ้านช่องแค ขณะที่นั่งสมาธิในถ้ำท่านได้เกิดปัญญาขึ้นโดยฉับพลัน ท่านจึงได้สร้างวัดขึ้นและถวายเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา ปัจจุบันศิษยานุศิษย์ได้นำร่างที่ละสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อพรหม ถาวโร มาให้ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้ที่วัด |
||
สะพานเดชาติวงศ์ | ||
ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ก่อนเข้าสู่ใจกลางเมืองนครสวรรค์ เป็นสะพานที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย กรมทางหลวงวางแผนสร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เป็นประตูสู่ภาคเหนือ เมื่อปี 2485 เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กมีความยาว 404.5 เมตร ทางรถกว้าง 6.50 เมตร ทางเท้าข้างสะพาน 1 เมตร ยังเป็นจุดชมวิวแม่น้ำสองสีที่สวยงามที่สุดอีกจุดหนึ่ง |
||
วัดคีรีวงศ์ | ||
ตั้งอยู่บนเขาในเขตตัวเมืองนครสวรรค์ สร้างสมัยปลายกรุงสุโขทัย เดิมเป็นวัดร้างกลางป่าเขา มีพระธุดงค์แสวงบุญมาพบเมื่อปี 2504 ปัจจุบันเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนครสวรรค์ มีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาปฏิบัติกิจกรรมทางพุทธศาสนาเป็นประจำ ภายในบริเวณวัดประกอบด้วย พระอุโบสถ สมเด็จพระพุทธโคดมจำลอง ศาลาพุทธานุภาพ วิหารหลวงพ่อโต และพระจุฬามณีเจดีย์ ซึ่งสร้างในสมัยศตวรรษที่ ๑๙ ปลายกรุงสุโขทัยประมาณ 600 ปีมาแล้ว โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโก) วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ เป็นผู้ตั้งชื่อให้ และแนะนำให้สร้างพระจุฬามหาเจดีย์ไว้บนยอดเขา ภายในองค์พระเจดีย์ชั้น 4 มีพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของประเทศไทยไว้ให้สักการะบูชา 4 องค์ คือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธโสธรจำลอง และพระพุทธรูปหล่อพ่อวัดไร่ขิง และภายในโดมเจดีย์ ได้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระพุทธประวัติไว้ให้ชมด้วย โทร. 0 5622 2009, 0 5622 6199 การเดินทาง จากสะพานเดชาติวงศ์ ใช้ถนนสายนครสวรรค์-พิษณุโลก ถึงสี่แยกเลี้ยวขวา ประมาณ 800 เมตร อยู่ด้านซ้ายมือ |
||
วัดหนองกลับ | ||
ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ตำบลหนองกลับ ชาวบ้านส่วนใหญ่เรียกกันว่า “วัดหนองกลับ” สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2363 ในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อ “หลวงพ่อเดิม” ขนาดเท่าองค์จริง เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ จนชาวบ้านยกย่องว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว” ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์วัดหนองกลับรวบรวมของเก่าแก่ไว้มากมาย อาทิ พระพุทธรูปสมัยต่างๆ เครื่องลายคราม สมุดข่อยโบราณ และของใช้ในครัวเรือนโบราณ โดยมีการจัดไว้เป็นหมวดหมู่ไว้อย่างน่าชม
|
||
พุทธศาสนสถานหลวงพ่อดำ | ||
หลวงพ่อดำ ประดิษฐานอยู่ที่วัดสระทะเล ตำบลโคกเดื่อ กรมศิลปากรสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัยมีอายุประมาณ 700 ปีเศษ แต่เดิมชาวบ้านพบพระพุทธรูปอยู่กลางป่าสามองค์ ปัจจุบันเหลือเพียงองค์เดียว เรียกขานตามกันว่า หลวงพ่อดำ วัดสระทะเล |
||
ป่าไพศาลี | ||
บริเวณเทือกเขาสอยดาวในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาคอกป่าเขาโลมนาง และป่าเขาสอยดาว เนื้อที่ประมาณ 38,000 ไร่ สภาพภูมิประเทศ เป็นภูเขาสูงชัน มียอดสูงสุด สูง 558 เมตร เป็นพื้นที่เขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และลพบุรี มีธรรมชาติที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ น้ำตกซับสมบูรณ์ใน สวนรุกขชาติ 100 ปี และน้ำตกซับใหญ่ พิชิตยอดสอยดาว เขตบ้านเขาเขียว น้ำตกทั้งสองแห่งนี้ปกติจะมีน้ำเฉพาะในเดือน มิถุนายน-ตุลาคม |
||
เขาถ้ำบุนนาค | ||
ตั้งอยู่ที่ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี ถนนเป็นลูกรังห่างจากอำเภอประมาณ 6 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัด 80 กิโลเมตร ลักษณะที่ตั้งเป็นภูเขา ปากถ้ำสูงจากเชิงเขาประมาณ 25 - 30 เมตร ภายในถ้ำมีพระพุทธรูป และรอยพระพุทธบาทจำลอง มีปล่องให้แสงสว่างจากยอดเขาลงมา บรรยากาศในถ้ำไม่อับชื้นแต่เย็นสบายเพราะลมที่ลงมาตามปล่องภูเขาแล้วออกทาง ปากถ้ำ ที่เชิงเขาด้านปากถ้ำมีวัดถ้ำบุนนาค ที่กว้างขวางร่มเย็น |
||
วัดเกยไชยเหนือ | ||
ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 บ้านปากคลอง ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน ภายในวัดมีองค์เจดีย์บรรจุพระบรมธาตุทรงลังกาฐานแปดเหลี่ยม สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าเสือ แห่งกรุงศรีอยุธยา มีพระอุโบสถหลังเก่าที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน นอกจากนี้ บริเวณนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของตำนานของจระเข้ยักษ์ที่ชื่อไอ้ด่างเกยไชยอีก ด้วยภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเป็นอาคารทรงไทย 2 หลัง หลังแรกสร้างประมาณปี พ.ศ. 2539 ภายในจัดแสดง เครื่องปั้นดินเผาที่งมได้บริเวณท่าน้ำวัด นอกจากนี้ยังมีเครื่องเบญจรงค์ เครื่องจักสาน โทรทัศน์รุ่นเก่า เครื่องแก้ว ตะเกียง เตารีด จระเข้สตัฟฟ์ ฯลฯ ส่วนอาคารหลังที่สอง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2541 ตั้งชื่อว่าพิพิธภัณฑ์ต้นน้ำ ภายในจัดแสดง เครื่องปั้นดินเผา เครื่องแก้ว เครื่องเบญจรงค์ ธนบัตร เงินเหรียญโบราณ เครื่องทองเหลือง ปืนยาว เป็นต้นทางโรงเรียนวัดเกยไชยเหนือได้ฝึกเด็กนักเรียนเป็นมัคคุเทศน์น้อยนำชม วัดและพิพิธภัณฑ์ ผู้สนใจต้องแจ้งล่วงหน้ามาก่อนที่โรงเรียนวัดเกยไชยเหนือ โทร 0 5635 3176 การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๒๕ สายนครสวรรค์-ชุมแสง ระยะทางประมาณ ๓๕ กิโลเมตร จากตัวเมือง จะมีป้ายเลี้ยวซ้ายเข้าสู่วัดเกยไชยเหนือ |
||
ฟาร์มนกกระจอกเทศ นครสวรรค์ | ||
ตั้งอยู่ที่ 32 หมู่ 4 ตำบลเนินกว้าว มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ในบรรยากาศร่มรื่นแบบชนบท มีซุ้มนั่งเล่นส่วนตัวท่ามกลางแมกไม้เขียวชอุ่ม พร้อมรับฟังคำบรรยาย สรุปเกี่ยวกับการเลี้ยงนกกระจอกเทศ ชมกระบวนการผลิต และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนกกระจอกเทศ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกจำหน่ายไปยังต่างประเทศในราคาเยา ทางฟาร์มยังมีอาหารต่างๆ ไว้จำหน่ายอีกมากมาย อาทิ เนื้อนกกระจอกเทศ เนื้อกวาง เนื้อจระเข้ เนื้อแพะ กบ และปลาไหล ปรุงในเมนูต่างๆ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในราคาแหล่งผลิต เช่น เครื่องปั้นดินเผา เครื่องจักสาน ผ้าทอมือ เป็นต้น สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. 0 5629 1218 |
||
วัดพระปรางค์เหลือง | ||
จากการสืบค้นหอจดหมายแห่งชาติพระราชนิพนธ์ใน ร.5 และพระราชนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บันทึกไว้ว่า ร. 5 ทรงเสด็จประพาสที่วัดพระปรางค์เหลืองรวม 3 ครั้ง |
||
สระทะเล | ||
ตั้งอยู่หลังโรงพยาบาลตาคลี ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 3 กิโลเมตร ห่างจากตัวจังหวัด 94 กิโลเมตร เป็นสวนสาธารณะ มีสระน้ำตามธรรมชาติ ทัศนียภาพสวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวอำเภอตาคลี
|
||
วัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ) | ||
(วัดถือน้ำ) ตั้งอยู่ที่ตำบลนครสวรรค์ ออกห่างจากตัวเมือง 4 กิโลเมตร ไปตามถนนพหลโยธิน (นครสวรรค์ - กรุงเทพฯ) เข้าไปทางค่ายจิรประวัติ เป็นวัดเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับข้าราชการกระทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยมีใบหอก ใบพาย มีดดาบสมัยโบราณ พระพุทธรูปทองคำปางปฐมเทศนาและพระพุทธรูปเนื้อเงินบรรจุอยู่ภายใน พระประธานในพระอุโบสถหลังเก่าประมาณอายุได้ 100 ปีเศษ ในปี พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ เสด็จฯ มาทรงตัดลูกนิมิตพระอุโบสถหลังใหม่ วัดนี้ถือได้ว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่มีคุณค่าแก่การศึกษาในทางประวัติศาสตร์ อย่างยิ่งแห่งหนึ่ง โทร. 0 5625 5444 | ||
ถ้ำบ่อยา | ||
เป็นถ้ำอยู่บนเขาที่หมู่บ้านหินก้อน ตำบลหนองกรวด อำเภอเมือง อยู่ห่างจากตัวเมืองเป็นระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ตามถนนสายนครสวรรค์ - ลาดยาว ทางแยกเข้าวัดถ้ำบ่อยา (วัดศรีอุทุมพร) ระยะทาง 6 กิโลเมตร จากบริเวณเชิงเขา มีบันไดขึ้นไปสู่ตัวถ้ำ ภายในถ้ำมีบริเวณกว้างขวางพอสมควร โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วง ตอนแรกเป็นที่ตั้งพระประธานองค์ใหญ่ ช่วงที่ 2 อยู่ลึกเข้าไปข้างในเป็นทางตัน บริเวณนี้จะมีบ่อน้ำทิพย์ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นบ่อยาศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ช่วงที่ 3 เป็นทางที่จะออกจากบริเวณถ้ำสู่ภายนอกได้ทางหนึ่ง ภายในบริเวณถ้ำนอกจากจะมีบ่อน้ำทิพย์อยู่ดังกล่าวแล้ว ยังมีหินย้อยตามธรรมชาติที่งดงาม ซึ่งจะมองเห็นได้จากแสงไฟฟ้า ซึ่งมีให้ความสว่างอย่างเพียงพอภายในถ้ำ |
||
หอวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ | ||
ตั้งอยู่ในบริเวณวิทยาลัยครูนครสวรรค์ ตำบลนครสวรรค์ อำเภอเมือง เป็นอาคาร 2 ชั้น ทรงสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ตรีมุขที่สวยงาม เป็นศูนย์รวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวัฒนธรรมของจังหวัด ภายในเป็นห้องนิทรรศการ แสดงการพัฒนาการทางวัฒนธรรมและแหล่งโบราณคดีต่างๆ นอกจากนี้ยังมีโรงละครขนาด 110 ที่นั่งจัดแสดงประเพณีศิลปวัฒนธรรม หอวัฒนธรรมนี้สร้างเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทำพิธีเปิด เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2535 เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-15.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 5621 9100 ต่อ 1190-1 |
||
เขาถ้ำพระ | ||
ตั้งอยู่ที่หมู่ 8 ตำบลเนินศาลา ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อย และพระพุทธรูป ในเทศกาลสงกรานต์ประชาชนในท้องถิ่นจะนำดอกไม้ธูปเทียนไปนมัสการเป็นจำนวนมาก จากเชิงเขามีบันไดคอนกรีตประมาณ 100 ขั้น ขึ้นสู่ปากถ้ำ เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาสามารถมองเห็นภูมิประเทศที่สวยงามของอำเภอโกรกพระ |
||
เขาพระ – เขาสูง | ||
ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองกลับ เป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่มีทรัพยากรอันทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อาทิ หินแกรนิตสีชมพู หินสีดำ และหินมรกต บนยอดเขาพระมีหินก้อนสีชมพูขนาดมหึมาวางเรียงรายทับซ้อนกันเด่นตระหง่าน อย่างน่ามหัศจรรย์ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของอำเภอหนองบัว ก่อนเดินทางถึงยอดเขาจะต้องผ่านซอกเขา หรือซอกหินหนีบ มีขนาดแคบประมาณ 30 เซอยนติเมตร เป็นจุดที่ท้าท้ายความสามารถต่อการพิสูจน์ความสวยงามของยอดเขาพระ-เขาสูง แห่งนี้ รวมถึงพรรณไม้นานาชนิดที่น่าศึกษา เช่น ป่าลาน นอกจากนี้ยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหลวงพ่อไกร อ่างเก็บน้ำคลองไม้แดง และอ่างเก็บน้ำคลองวังเหียง |
||
วัดจอมคีรีนาคพรต | ||
(วัดเขา) อยู่บนยอดเขาบวชนาค ระหว่างเชิงสะพานเดชาติวงศ์และค่ายจิรประวัติ ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมือง ตำนานกล่าวว่า เมื่อกองทัพพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในครั้งที่ 2 ได้แล้ว จึงร่วมกันสร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อแสดงว่านับถือพุทธศาสนาเช่นกัน สิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่ รอยพระพุทธบาทจำลองและพระอุโบสถที่ชาวบ้านเรียกว่า โบสถ์เทวดาสร้าง ทุกๆ เดือน 12 ของปีจะมีงานนมัสการและปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลองนี้เรียกว่า งานวัดเขา ซึ่งนอกจากจะมีงานสมโภชน์แบบงานวัดทั่วไปแล้วยังมีการแข่งขันเรือยาวอีกด้วย เมื่อขึ้นไปอยู่บนยอดเขาบวชนาคและมองลงมาจะเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของสะพาน เดชาติวงศ์ แม่น้ำเจ้าพระยา และเขากบ การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเชียก่อนถึงสะพานเดชาติวงศ์เลี้ยวซ้ายเข้าวัด ระยะทางห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร | ||
ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา | ||
นครสวรรค์ได้ชื่อว่าเป็น เมืองต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้เนื่องจากแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านได้ไหลมาบรรจบกันที่ตำบลปากน้ำโพ บริเวณด้านหน้าเขื่อนในตัวเมือง ซึ่งเป็นจุดรวมของแม่น้ำทั้งสองสายดังกล่าว จะมองเห็นถึงความแตกต่างของสายน้ำทั้งสองได้อย่างชัดเจน กล่าวคือแม่น้ำน่านจะมีสีค่อนข้างแดง และแม่น้ำปิงจะเป็นสีค่อนข้างไปทางเขียว เมื่อมาบรรจบกันแล้วจึงค่อยๆ รวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ เป็นสายสำคัญของประเทศไทย ไหลผ่านจังหวัดต่างๆ ในภาคกลางไปจนถึงกรุงเทพมหานคร และออกอ่าวไทยที่จังหวัดสมุทรปราการ มีความยาวประมาณ 370 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะ เที่ยวทางเรือเพื่อชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และแวะนมัสการหลวงพ่อโตที่วัดปากน้ำโพ (วัดทองธรรมชาติเหนือ) สามารถเช่าเรือจากท่าน้ำเจ้าพระยา โดยเสียค่าเช่าเรือประมาณ 180 บาท (ไปกลับ) เรือบรรทุกได้ 15 คน |
||
แหล่งโบราณคดีวัดโพธิ์ประสาท | ||
ตำบลโพธิ์ประสาท สำรวจขุดค้นโดยกรมศิลปากร ระหว่างพ.ศ.2519-2536 พบภาชนะเครื่องใช้ทั้งแบบโลหะและแบบดินเผาของคนโบราณ ซึ่งเป็นชุมชนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ที่ได้มีการพัฒนาเข้าสู่การเป็นชุมชนคูน้ำคันดินในสมัยทวารวดี เครื่องใช้โลหะที่ขุดพบมีอายุกว่า 2,000 ปี อาทิ ใบหอกโบราณ จัดเป็นศิลปะก่อนประวัติศาสตร์ ประเภทเครื่องใช้สอยดินเผา อาทิ หม้อดินเผา ตะคัน หรือตะเกียง ลูกแวดินเผา และประเภทเครื่องประดับ อาทิ กำไลเปลือกหอย จัดเป็นศิลปสมัยทวารวดี ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-16 |
||
รอยพระพุทธบาท | ||
มีลักษณะเป็นแผ่นหินชนวนสี เขียวแกะสลัก สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระยาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย จากเอกสารที่มีผู้บันทึกไว้ทำให้ทราบว่า รอยพระพุทธบาทนี้ได้อัญเชิญมาจากกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พร้อมกับผู้คนที่เกณฑ์มาสร้างเมืองเวสาลี โดยได้นำไปประดิษฐานไว้บนยอดเขา แล้วสร้างวิหารครอบภูเขาลูกนี้ คือที่ตั้งของวัดพระพุทธบาท ตำบลสำโรงชัย ในปัจจุบัน |
||
เมืองเก่าเวสาลี | ||
จากการสำรวจของกรมศิลปากร เมื่อ พ.ศ.2511 พบว่าเป็นเมืองสี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมมน มีกำแพงดิน 2 ชั้น มีคูเมืองคั่นกลาง ยาวประมาณ 700 เมตร กว้าง 500 เมตร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี บริเวณที่ตั้งชุมชนเป็นที่ราบลุ่มมีทางน้ำไหลผ่าน จากการขุดแต่งใน พ.ศ.2539 พบว่า โบราณสถานซึ่งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเมืองเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ประกอบด้วยอุโบสถ มณฑป วิหาร เจดีย์ และผลจากการศึกษาหลักฐานชั้นดินทางโบราณคดี พบว่า ก่อนการสร้างโบราณสถาน กลุ่มเมืองเก่าเวสาลีแห่งนี้ ได้มีชุมชนตั้งหลักแหล่งอยู่ก่อนแล้ว เป็นชุมชนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ซึ่งได้มีการพัฒนาเข้าสู่การเป็นชุมชนคูน้ำคันดินในสมัยทวารวดี |
||
บ้านมอญ | ||
ตั้งอยู่ตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมืองห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศเหนือประมาณ 16 กิโลเมตร บ้านมอญตั้งชื่อหมู่บ้านตามความเป็นมาในอดีตมีชาวบ้านมอญ 4 ครอบครัว ได้อพยพมาจากอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี มาพบแหล่งดินเหนียวบริเวณตำบลบ้านแก่ง ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมในการปั้นโอ่งมาก ปัจจุบันมีการประยุกต์ผลิตภัณฑ์ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น |
||
วัดเขาดินใต้ หรือวัดพระหน่อธรรินทรใกล้วารินคงคาราม | ||
เมื่อครั้งรัชกาลที่5 เสด็จประพาสต้นเมืองกำแพงเพชรทางชลมารค ได้แวะเมืองนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2449 ทรงสนทนาธรรมกับ " หลวงพ่อเฮง " อดีตเจ้าอาวาส เป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่งและทรงแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นพิเศษ นาม " พระครูพิสิษฐสมถคุณ " |
||
ศาลาที่ประทับ ร.5 หน้าวัดเขื่อนแดง | ||
" วัดศรีสุวรรณ หรือวัดเขื่อนแดง " เนื่องด้วยสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งค่ายทหารนครสวรรค์มาก่อนเมื่อ ครั้งที่ร.5 เสด็จประพาสต้นเมืองนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ร.ศ. 125 ( พ.ศ. 2449 ) พระองค์ท่านประทับที่ศาลาหน้าวัดแห่งนี้ เพื่อพิจารณาคดีตามคำปรึกษาของศาลทหารให้ประหารชีวิตคดีอ้ายวิม พลทหารฆ่านายสิบตายเนื่องจากเป็นเวลารักษาราชการเสด็จพระราชดำเนิน และทำผิดพระราชกำหนดกฎหมายข้อบังคับของค่ายทหารที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ถ้าลดหย่อนโทษจะเป็นเยี่ยงอย่างให้มีความกำเริบ |
||
วัดเกาะหงษ์ | ||
ในการเสด็จประพาสต้นทางเหนือของ " พระพุทธเจ้าหลวง " ได้เสด็จผ่านมาถึง " วัดบ้านเกาะ " หรือวัดเกาะหงษ์ " เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2449 ( ร.ศ 125 ) พระองค์นมัสการพระประธานในโบสถ์ และนมัสการ " หลวงปู่กัน" ซึ่งเป็นสมภารวัดในขณะนั้น โดยภายในพระอุโบสถ พระองค์ทรงเห็น " พระสังกัจจายน์ " ยืนมือกุมท้อง ทรงพอพระทัยเป็นอันมากจึงขอเชิญพระกัจจายน์ไป แล้วพระราชทานพระราชทรัพย์จำนวน 1 ชั่ง ( 80 บาท ) เพื่อให้จัดสร้างขึ้นใหม่แทนซึ่งก็คือองค์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ความอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของวัดแห่งนี้ก็คือ การรักษาโรคด้วยวิธี " เหยียบฉ่า " โดยหมอจะนำเท้าจุ่มสมุนไพร แล้วนำไปเหยียบแผ่นเหล็กที่กำลังเผาไฟจนร้อนจัด ขณะเหยียบเหล็กจะเกิดเปลวไฟลุกท่วมเท้าเสียงดัง " ฉ่า " จากนั้นก็นำมาเหยียบให้ผู้ป่วยบริเวณที่มีการเจ็บป่วย ซึ่งนับว่าเป็นการรักษาโรคแบบโบราณที่มีความอัศจรรย์มาก ตามตำนานกล่าวว่าสืบทอดกันมากกว่าร้อยปี |
||
เขื่อนวังรอ | ||
ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ตำบลเนินศาลา ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 35 กิโลเมตร และห่างจากตัวอำเภอประมาณ 17 กิโลเมตร ตามถนนสายโกรกพระ - ทัพทัน ทางแยกเข้าเขื่อนวังรอระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นถนนลูกรังที่สภาพไม่ดีนัก เขื่อนเก็บน้ำวังรอมีทัศนียภาพที่สวยงาม ช่วยให้การเกษตรของเกษตรกรในอำเภอโกรกพระและอำเภอเมืองอุทัยธานี ตัวเขื่อนเป็นคอนกรีต สันเขื่อนเป็นคันดิน |
||
วัตลาดน้ำวัดบางประมุง | ||
อยู่ริมฝั่งคลองบางประมุง บริเวณด้านหลังวัดบางประมุง ชาวบ้านจะพายเรือนำสินค้าและผลิตผลทางการเกษตรในพื้นที่มาจำหน่ายทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเวลา 07.00-16.00 น. นอกจากนี้ยังมีบริการอื่น ๆ อีก อาทิ นวดแผนโบราณ การล่องเรือชมคลองบางประมุง ชมสวนกล้วย บริการเรือพาย จักรยานน้ำ ฯลฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายปกครอง ที่ว่าการอำเภอโกรกพระ โทร. 0 5629 1006 |
||
ศาลเจ้าแม่หน้าผา | ||
เรียกทั่วไปว่า ศาลเจ้าปึงเถ่าม่า หรือ ศาลเจ้าแม่ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิงด้านทิศตะวันตก บริเวณริมฝั่งเป็นโขดหินสูงชันจึงเรียกว่า หน้าผา ห่างจากตลาดปากน้ำโพขึ้นไปตามถนนโกสีย์ประมาณ 2 กิโลเมตร ภายในศาลเจ้ามี ปึงเถ่าม่า เป็นเทพประธานร่วมกับ ปึงเถ่ากง (เจ้าพ่อ) ที่สร้างจำลองเจ้าพ่อเทพารักษ์ และมีเทพเจ้าอื่น ๆ อีกหลายองค์ ซึ่งประชาชนนิยมมาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล ปึงเถ่ากง และปึงเถ่าม่า เป็นเทพเจ้าที่เคารพกราบไหว้ในหมู่คนจีนโพ้นทะเล เป็นชื่อตำแหน่งของเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ที่ให้การคุ้มครองปกปักรักษาผู้ที่ อาศัยในเขตคามที่ท่านดูแลอยู่ เปรียบเทียบได้กับ พระภูมิ ของไทยนั่นเอง |
||
|