![]()  | 
          ![]()  | 
        
![]()  | 
            วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม | ||
ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกลาง ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก เป็นผาหินขนาดใหญ่  ซึ่งมีน้ำไหลซึมตลอดปีอยู่บนภูเขาเขียว แบ่งพรมแดนระหว่างอำเภอหนองสูง  จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ มีเนื้อที่ประมาณ  20,000 ไร่ เป็นป่าไม้เนื้อแข็งนานาชนิด มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด เช่น  หมูป่า เก้ง กวาง ไก่ป่า ผาน้ำย้อยอยู่สูงจากระดับพื้นดิน 200 เมตร  และสูงกว่าระดับน้ำทะเล 380-500 เมตร บนเขาลูกนี้มี  วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม มีเนื้อที่ 0,500 ไร่  โดยมีพระอาจารย์ศรีมหาวิโร ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัต  เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ภายในบริเวณมี พระมหาเจดีย์ชัยมงคล  เป็นพระเจดีย์ใหญ่องค์หนึ่งของประเทศไทย ออกแบบโดยกรมศิลปากร  เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม  รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ มีความกว้าง 101 เมตร ความยาว 101  เมตร ความสูง 101 เมตร สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่  เป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ  และได้ตกแต่งลวดลายงามวิจิตรของศิลปะยุคใหม่และยุคเก่าผสมเป็นศิลปะร่วมสมัย  ที่หาดูได้ยาก  พระมหาเจดีย์ชัยมงคลนี้ตั้งอยู่ในบริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม  ภายในพระมหาเจดีย์มีทั้งหมด 6 ชั้น คือ   | 
          |||
![]()  | 
            พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ | ||
เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามโครงการ  การจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำเมืองเป็นสถานที่จัดแสดงและรวบรวม  เรื่องราวน่ารู้ทุกด้านของจังหวัดแห่งนี้ เดิมทีเดียวนั้น  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติร้อยเอ็ด จัดตั้งขึ้นตามดำริของท่านศาสตราจารย์  ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ ในอันที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ฯ ศิลปหัตถกรรมอีสาน  โดยเฉพาะผ้าไหมและผ้าพื้นเมือง ต่อมาเมื่อกรมศิลปากร  มีนโยบายในการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำเมืองจึงได้ทำการปรับ  ปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาในการจัดแสดงให้ครอบคลุมข้อมูลเรื่องราวของจังหวัดทุก  ด้านทั้งด้านภูมิศาสตร์ทรัพยากรธรณีโบราณคดี ประวัติศาสตร์ บุคคลสำคัญ  วิถีชีวิต ประเพณี และศิลปหัตถกรรม  เริ่มโครงการจัดตั้งมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2536  ซึ่งเป็นปีที่ได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารต่อเนื่องมาจนกระทั่งปี 2540  จึงดำเนินการได้แล้วเสร็จสมบูรณ์  ประกอบด้วยงบประมาณด้านการจัดแสดงนิทรรศการถาวร ปรับสภาพภูมิทัศน์  ติดตั้งระบบไฟฟ้าและระบบปรับอากาศ  จัดทำห้องประชุมและนิทรรศการพิเศษปรับปรุงบ้านพักเจ้าหน้าที่  ทั้งนี้เฉพาะการจัดแสดงได้มีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้แก่ ระบบสารสนเทศ  การทำหุ่นจำลอง และฉากวิถีชีวิตต่าง ๆ เข้ามาประกอบการนำเสนอเรื่องราว  ทำให้อาจกล่าวได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งใน  ความดูแลของกรมศิลปากร พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่ถนนเพลินจิต ตำบลในเมือง  อำเภอ เมือง จังหวัดร้อยเอ็ด 45000   | 
          |||
![]()  | 
            กู่พระโกนา | ||
ตั้งอยู่ที่บ้านกู่ วัดกู่พระโกนา หมู่ 2 ตำบลสระคู  การเดินทางจากจังหวัดร้อยเอ็ด เดินทางตามทางหลวงสาย 215  ผ่านอำเภอเมืองสรวง อำเภอสุวรรณภูมิ จากนั้นเข้าสาย 214 ไปประมาณ 12  กิโลเมตร ถึงกู่พระโกนา ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตรจากจังหวัด  ปัจจุบันมีวัดสร้างอยู่ในบริเวณเดียวกัน  มีถนนเป็นทางแยกเข้าไปทางด้านซ้ายมือ ด้านหน้าเป็นสวนยาง   กู่พระโกนา  ประกอบด้วย ปรางค์อิฐ 3 องค์ บนฐานศิลาทราย เรียงจากเหนือ-ใต้  ทั้งหมดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีกำแพงล้อมและซุ้มประตูเข้า-ออกทั้ง 4  ด้าน ก่อด้วยหินทรายเช่นกัน   | 
          |||
![]()  | 
            สิมวัดไตรภูมิคณาจารย์ | ||
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านตากแดด ตำบลหัวโทน  อำเภอสุวรรณภูมิ ลักษณะทางศิลปกรรม เป็นสิมแบบพื้นเมืองอีสาน ประเภทสิมทึบ  มีกำแพงแก้วเตี้ย ๆ  ล้อมรอบหน้าบันและรังผึ้งของสิมมีลายแกะสลักสวยงามภายในมีจิตรกรรมหรือ  ฮูปแต้ม แสดงเรื่องในพุทธศาสนา  สันนิษฐานว่ามีอายุในราวสมัยอยุธยา-รัตนโกสินทร์ตอนต้น  ด้านนอกสิมมีพระพุทธรูปแบบอีสานขนาดใหญ่ ซึ่งย้ายมาจากวัดใต้วิไลธรรม  ในเขตอำเภอเดียวกัน (สิมวัดไตรภูมิคณาจารย์  ได้รับการบูรณะโดยกรมศิลปากรเมื่อ พ.ศ.2541  และได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามประจำปี 2541   | 
          |||
![]()  | 
            ปรางค์กู่ หรือ ปราสาทหนองกู่ | ||
ตั้งอยู่ที่บ้านยางกู่ ตำบลมะอี การเดินทางจากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 23 (ร้อยเอ็ด-ยโสธร) ประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงที่ว่าการอำเภอธวัชบุรี ฝั่งตรงข้ามมีทางแยกซ้ายไปปรางค์กู่ ระยะทาง 6 กิโลเมตร หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 2044 (ร้อยเอ็ด-โพนทอง) ไปประมาณ 8 กิโลเมตร มีทางแยกขวาไปปรางค์กู่อีก 1 กิโลเมตร      ปรางค์กู่ คือ  กลุ่มอาคารที่มีลักษณะแบบเดียวกันกับอาคารที่เชื่อกันว่า  คืออโรคยาศาลตามที่ปรากฏในจารึกปราสาทตาพรหมอันประกอบด้วย ปรางค์ประธาน  บรรณาลัย กำแพงพร้อมซุ้มประตูและสระน้ำนอกกำแพง  โดยทั่วไปนับว่าคงสภาพเดิมพอควร โดยเฉพาะปรางค์ประธานชั้นหลังคาคงเหลือ 3  ชั้น และมีฐานบัวยอดปรางค์อยู่ตอนบน อาคารอื่นๆ  แม้หักพังแต่ทางวัดก็ได้จัดบริเวณให้ดูร่มรื่นสะอาดตา      นอกจากนี้ภายในกำแพงด้านหน้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังพบโบราณวัตถุอีกหลาย  ชิ้นวางเก็บรักษาไว้ใต้อาคารไม้ ได้แก่ทับหลังหินทราย  สลักเป็นภาพบุคคลนั่งบนหลังช้างหรือวัว ภายในซุ้มเรือนแก้วหน้ากาล  จากการสอบถามเจ้าอาวาสวัดศรีรัตนาราม  กล่าวว่าเป็นทับหลังหน้าประตูมุขของปรางค์ประธาน เสากรอบประตู 2 ชิ้น  ชิ้นหนึ่งมีภาพสลักรูปฤาษีที่โคนเสาศิวลึงค์ขนาดใหญ่พร้อมฐานที่ได้จากทุ่ง  นาด้านนอกออกไป และชิ้นส่วนบัวยอดปรางค์  ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นฐานของพระสังกัจจายน์ปูนปั้น  กำหนดอายุว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 18   | 
          |||
![]()  | 
            กู่กาสิงห์ | ||
| ตั้งอยู่ในวัดบูรพากู่กาสิงห์ ตำบลกู่กาสิงห์ สามารถเดินทางได้ 2 ทาง คือ ใช้เส้นทางร้อยเอ็ด-เกษตรวิสัย ทางหลวงหมายเลข 214 ระยะทาง 47 กิโลเมตร เดินทางต่อไปตามทางหลวงสายเกษตรวิสัย-สุวรรณภูมิ ประมาณ 10 กิโลเมตร มีทางแยกขวากู่กาสิงห์เป็นระยะทางอีก 10 กิโลเมตร หรืออาจใช้เส้นทางสายร้อยเอ็ด-สุวรรณภูมิ-สุรินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 215 ต่อด้วย 214) ระยะทาง 60 กิโลเมตร ถึงวัดกู่พระโกนา ด้านตรงข้ามวัดมีทางแยกไปกู่กาสิงห์ ระยะทางอีก 18 กิโลเมตร | |||
![]()  | 
            สิมวัดจักรวาลภูมิพินิจ (วัดหนองหมื่นถ่าน) | ||
| ตั้ง  อยู่ที่หมู่บ้านหนองหมื่นถ่าน ตำบลหนองหมื่นถ่าน  มีลักษณะทางศิลปกรรมเป็นสิมแบบพื้นเมืองอีสาน ประเภทสิมทึบ  หน้าบันหรือรังผึ้งมีลวดลายแกะสลักไม้ ภายนอกมี “ฮูปแต้ม”  เป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ ภาพขุมนรก และภาพพระพุทธองค์ ขณะปลงพระเกศา  มีพระอินทร์มารับนำไปประดิษฐานยังเจดีย์จุฬามณี  ภายในมีภาพวรรณคดีพื้นเมืองเรื่องสังข์ศิลป์ชัย  สันนิษฐานว่ามีอายุในราวสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น  การเดินทาง จากอำเภอเมือง เดินทางตามทางหลวงหมายเลข 2043 ถึงอำเภออาจสามารถ และเดินทางต่อไปอีก 10 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางบ้านหนองหมื่นถ่าน 2 กิโลเมตร  | 
          |||
![]()  | 
            บึงเกลือ (ทะเลอีสาน) | ||
| อยู่ในเขตตำบลบึงเกลือ เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ 7,500 ไร่  ในบึงน้ำแห่งนี้มีน้ำขังตลอดปี ริมบึงมีหาดทรายขาวสะอาดกว้างขวาง  มีแพร้านอาหารบริการอาหารอีสานและอาหารตามสั่ง  นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนและเล่นกีฬาทางน้ำ  การเดินทาง จากอำเภอเมือง ไปตามทางหลวงหมายเลข 23 ผ่านอำเภอธวัชบุรี ถึงอำเภอเสลภูมิเข้าทางหลวงหมายเลข 2259 ประมาณ 10 กิโลเมตร และเลี้ยวเข้าซอย 8 กิโลเมตร  | 
          |||
![]()  | 
            วัดป่าโนนสวรรค์ | ||
ตั้งอยู่บ้านเทอดไทย ตำบลเทอดไทย  เป็นวัดขนาดใหญ่สร้างมาจากนิมิตของเจ้าอาวาส  โดยใช้หม้อดินของชาวบ้านมาประดับตกแต่งจึงดูสวยงามแปลกตา  เจดีย์ประธานหลายชั้นทางเข้าจะเป็นปากหนุมานแต่ละชั้นจะมีจิตรกรรมฝาผนัง  เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ซุ้มประตูวัดมีเต่ายักษ์ 2 ตัว  ดูคล้ายศิลปะทางขอมและอินเดีย การเดินทาง   ตามเส้นทางร้อยเอ็ด-ธวัชบุรี-เสลภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 23) กิโลเมตรที่  139-140 เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 7 กิโลเมตร  ห่างจากตัวเมืองร้อยเอ็ดประมาณ  18 กิโลเมตร  | 
          |||
![]()  | 
            วัดบูรพาภิราม | ||
ตั้งอยู่ที่ถนนผดุงพานิช ตำบลในเมือง ในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ใครที่มาถึงตัวเมืองร้อยเอ็ดคงได้พบกับภาพที่น่าตื่นตาขององค์พระเจ้าใหญ่ หรือ พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี ประทับยืนเด่นเป็นสง่ามองเห็นได้จากระยะไกล องค์พระเจ้าใหญ่นั้นประดิษฐานอยู่ที่วัดบูรพาภิรามในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด อันเป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวร้อยเอ็ด ซึ่งแสดงถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอันแรงกล้าของชาวเมืองที่ได้สร้างพระ พุทธรูปปางประทานพรที่กล่าวกันว่าสูงที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้องค์พระเจ้าใหญ่ยังเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด และปรากฎอยู่ในคำขวัญของเมืองร้อยเอ็ดว่า "สิบเอ็ดประตูงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกตุ บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ไชยมงคล งามน่ายลบึงพระลานชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ"  | 
          |||
![]()  | 
            สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด์ | ||
ตั้งอยู่ที่ถนนสุนทรเทพ (หน้าวัดบึงพระลานชัย) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง เป็นอาคาร 2 อาคารเชื่อมต่อกัน อาคารแรกประกอบด้วยห้องโถง ห้องบรรยาย ห้องนิทรรศการ สำนักงาน ห้องจำหน่ายบัตรและของที่ระลึก ส่วนอาคารที่ 2 เป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างเป็นส่วนแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ บางชนิดเกือบจะสูญพันธุ์หรือเป็นพันธุ์ที่หายาก ประกอบด้วยตู้ปลาขนาดเล้กที่ฝังอยู่ในผนังรอบๆอาคาร จำนวน 24 ตู้ กลางอาคารเป็นตู้ปลาขนาดใหญ่ 1 ตู้ กว้าง 8 เมตร ยาว 16 เมตร มีอุโมงค์แก้ว ผ่านกลางตู้สำหรับให้ผู้เข้าชมเดินชมได้อย่างใกล้ชิด ชั้นบนของอาคารเป็นบ่อพักน้ำ ถังกรองน้ำ บ่อพักและสำรองพันธุ์สัตว์น้ำไว้สำหรับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกับตู้แสดงพันธุ์ สัตว์น้ำที่ป่วยด้านนอกของตัวอาคารจะมีการจัดภูมิทัศน์ให้เหมาะสมแก่ตัว อาคาร โดยจัดเป็นสวนหย่อมและปลูกไม้ดอกไม้ประดับโดยรอบของตัวอาคารพร้อมทั้งจัดให้ มีลานจอดรถสำหรับผู้เข้าชมอีก 2 จุด สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดนี้เปิดทุกวันเว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 4351 1286  | 
          |||
![]()  | 
            วัดสระทอง | ||
ตั้งอยู่ในตัวเมือง เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระสังกัจจายน์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ชาวร้อยเอ็ดเคารพสักการะสร้างในสมัยใดไม่ปรากฏ เมื่อปี พ.ศ. 2325 พระยาขัตติยะวงษา (ท้าวธน) ซึ่งเป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนแรก ได้พบพระองค์นี้เห็นว่ามีความเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก จึงได้นำมาประดิษฐานที่วัดสระทองและยกให้เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ในอดีตข้าราชการทุกคนต้องมาสาบานตนต่อหน้าหลวงพ่อว่าจะซื่อสัตย์ต่อบ้าน เมืองเป็นประจำทุกปี  | 
          |||
![]()  | 
            วัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง | ||
| วัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอศรีสมเด็จ วัดนี้มีชื่อทางการว่า วัดประชาคมวนาราม สร้างโดยหลวงปู่ศรี มหาวีโร มีเจดีย์ขนาดใหญ่ทำจากหินทรายธรรมชาติเป็นแห่งแรกในประเทศไทย เหตุที่หลวงปู่ศรี ท่านมีดำริให้สร้างพระเจดีย์หิน เนื่องจากเมื่อพ.ศ. 2531 หลวงปู่ได้ไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ มหาเจดีย์บุโรพุทโธ หรือ โบโรบูโดร์ และได้ประทับใจในความยิ่งใหญ่อลังการของมหาเจดีย์แห่งนี้ จึงได้เล่าให้คณะศิษย์ฟัง ต่อมาใน ปี พ.ศ 2535 การก่อสร้างจึงเริ่มขึ้น จนกระทั่งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2547 มีพิธียกยอดเจดีย์ทองคำแท้หนัก 101 ขึ้นประดิษฐาน ภายในพระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุอยู่จุดศูนย์กลางของเจดีย์ ผนังแกะสลักเรื่องราวพระพุทธประวัติและเวสสันดรชาดก รวมทั้งประวัติของหลวงปู่ศรีและรูปบูรพาจารย์ | |||
![]()  | 
            บ่อพันขันรัตนโสภณ | ||
| ตั้งอยู่ในเขตวัดบ่อพันขันรัตนโสภณ อำเภอหนองฮี เป็นอุทยานการศึกษาเฉลิมพระเกียรติ 50 ปี และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสหัสขันธมหามุนีนาถซึ่งมีความสวยงามเป็นที่เคารพ บูชาของชาวร้อยเอ็ด การเดินทาง ตามเส้นทางร้อยเอ็ด-พนมไพร กิ่งอำเภอหนองฮี สู่ตำบลเด่นราษฎร์ ห่างจากเมืองร้อยเอ็ดประมาณ 85 กิโลเมตร | |||
![]()  | 
            สวนสาธารณะพุทธประวัติเวสสันดรชาดก | ||
| ตั้งอยู่ที่หมู่ 8  ถนนรอบเมือง  ตำบลรอบเมือง (อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลรอบเมือง)  ภายในสวนมีรูปปั้นพระเวสสันดรชาดกทั้งหมด 13 กัณฑ์ ได้แก่ กัณฑ์มหาราช  กัณฑ์หิมพานต์ กัณฑ์ทานกัณฑ์ กัณฑ์วนประเวศ กัณฑ์ชูชก  เป็นต้น ตั้งไว้เป็นระยะรอบบึง แต่ละจุดมีคำบรรยายประกอบ รถยนต์สามารถวิ่งผ่านได้ การเดินทาง จากถนนรอบเมืองออกมาประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวา ไป 250 เมตร มาทางบ้านเปือย  | 
          |||
![]()  | 
            บึงพลาญชัย | ||
ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองร้อยเอ็ด  ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด มีลักษณะเป็นเกาะอยู่กลางบึงน้ำขนาดใหญ่  มีเนื้อที่ประมาณ 2 แสนตารางเมตร เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ  ตกแต่งเป็นสวนไม้ดอกขนาดใหญ่ มีพันธุ์ไม้ต่างๆ ร่มรื่น  และในบึงน้ำมีปลาชนิดต่างๆ หลายพันธุ์มากมาย  มีเรือสำหรับให้ประชาชนได้พายเล่นในบึง  นอกจากนั้นยังใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลของจังหวัด รวมทั้งจัดมหรสพต่างๆ  ภายในบึงพลาญชัยยังมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจคือ   | 
          |||
![]()  | 
            เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ | ||
ตั้ง  อยู่ในพื้นที่อำเภอหนองพอก ครอบคุมดูแลพื้นที่ประมาณ 151,242 ไร่  หรือประมาณ 242 ตารางกิโลเมตร  โดยสภาพพื้นที่จะเป็นเทือกเขาหินทรายสูงชันและสลับซับซ้อน  ประกอบด้วยป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์  สัตว์ป่าที่พบในพื้นที่ป่าแห่งนี้ ได้แก่ ไก่ฟ้าพญาลอ หมูป่า สุนัขจิ้งจอก  เป็นต้น จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในบริเวณเขตห้ามล่าฯ คือ ผาพยอม  ซึ่งเป็นจุดที่ใช้สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้น  และผาน้ำทิพย์ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ชมพระอาทิตย์ตกดิน   | 
          |||
![]()  | 
            ทุ่งกุลาร้องไห้ | ||
เป็นทุ่งกว้างใหญ่ของภาคอีสาน มีอาณาเขตครอบคลุมถึง 5 จังหวัด คือ ในแนวทิศเหนือนั้นครอบคลุมอำเภอปทุมรัตต์ อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอสุวรรณภูมิ และอำเภอโพนทราย ของจังหวัดร้อยเอ็ด ในแนวทิศใต้มีลำน้ำมูลทอดยาวตลอดพื้นที่อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ในแนวทิศตะวันตกผ่านอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร และอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยของจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ประมาณ 3 ใน 5 นั้นอยู่ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด ทุ่งกุลาร้องไห้มีเนื้อที่กว้าง 2,107,681 ไร่ สาเหตุที่ทุ่งกว้างแห่งนี้ได้ชื่อว่าทุ่งกุลา ร้องไห้นั้น ก็ด้วยมีเรื่องเล่ากันว่า พวกกุลาซึ่งเป็นพวกที่เดินทางค้าขายระหว่างเมืองต่างๆ ในสมัยโบราณได้ชื่อว่าเป็นนักต่อสู้ คือ มีความเข้มแข็งอดทนเป็นเยี่ยม แต่เมื่อพวกกุลาเดินทางมาถึงทุ่งนี้ ได้รับความทุกข์ยากเป็นอันมากถึงกับร้องไห้ เพราะตลอดทุ่งนี้ไม่มีน้ำหรือต้นไม้ใหญ่เลย ฤดูแล้งแผ่นดินก็แห้งแตกระแหง ปัจจุบันท้องทุ่งอันกว้างใหญ่นี้ได้รับการพัฒนาจากส่วนราชการและหน่วยงาน ต่างๆ บางแห่งก็ทำการเกษตรกรรม บางแห่งก็ใช้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ ซึ่งนับแต่จะมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ ศูนย์พัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ห่างจากที่ว่าการอำเภอสุวรรณภูมิ 6 กิโลเมตร เลยกู่พระโกนาไปเล็กน้อย ตรงข้ามกับโรงเรียนโสภาพิทยาภรณ์  | 
          |||
| แหลมพยอม | |||
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ อยู่บริเวณทิศตะวันออกของบึงโพนทอง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำกว้างใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอโพนทองไปทางทิศตะวันออก (ถนนสายอำเภอโพนทอง-อำเภอหนองพอก) ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร  | 
          |||
| อนุสาวรีย์พระขัติยะวงษา (ทน) | |||
| ตั้งอยู่กลางวงเวียนห้าแยกสายน้ำผึ้งใกล้วิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด อำเภอเมืองร้อยเอ็ด พระขัติยะวงษา (ทน) เป็นบุตรท้าวจารย์แก้ว ได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนแรก เมื่อ พ.ศ. 2318 ในรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นผู้นำในการสร้างบ้านแปงเมือง โดยอพยพผู้คนจากเมืองท่งมาตั้งรกรากที่เมืองกุ่มร้าง หรือเมืองร้อยเอ็ด ถือได้ว่าท่านเป็นผู้มีความสามารถในการปกครอง ได้รวบรวมผู้คนบูรณะฟื้นฟูและทะนุบำรุงเมืองร้อยเอ็ดจนเป็นปึกแผ่นเจริญ รุ่งเรืองในที่สุด | |||
![]()  | 
            วัดกลางมิ่งเมือง | ||
ตั้งอยู่บนถนนเจริญพาณิชย์ เป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่าสร้างก่อนตั้งเมืองร้อยเอ็ด ส่วนอุโบสถสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลายในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือ น้ำพิพัฒน์สัตยา ปัจจุบันเป็นสถานที่ศึกษาปริยัติธรรม และสถานที่สอบธรรมสถาน ชื่อโรงเรียนสุนทรธรรมปริยัติ บริเวณผนังรอบพระอุโบสถมีภาพวาดจิตรกรรมเกี่ยวกับพุทธประวัติ สวยงามและมีค่าทางศิลปะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 4351 2400 
 
  | 
          |||
  | 
          
![]()  | 
        
![]()  |