ตั้งอยู่เชิงเขาปถวี (ปฐวี) ตำบลหนองปลาไหล เข้าทางเดียวกับอุทยานแห่งชาติพระพุทธฉายเป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธฉาย หรือ รอยพระพุทธรูป อยู่บนแผ่นหินซึ่งตั้งอยู่บนชะง่อนผา มีการสร้าง มณฑปครอบไว้ มีบันไดจากบริเวณวัดด้านล่าง ขึ้นไปยังมณฑป และต่อไปยังหน้าผาซึ่งอยู่ เหนือมณฑปขึ้นไป บริเวณเชิงผามีภาพเขียนลายเส้นยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้แก่ ภาพสัตว์ลายเส้นคล้ายตัวกวาง บริเวณข้างประตูเข้าพระพุทธฉาย พบภาพมือคน และภาพสัญลักษณ์ บริเวณจากถ้ำฤาษีไปทางพระพุทธฉายทางทิศตะวันตก พบภาพเขียนรูปไก่ ภาพพระพุทธรูป
และภาพสัญลักษณ์ และบริเวณหน้าผา จปร. พบภาพลายเส้นขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน คล้ายภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ที่เคยถูกค้นพบที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี เขียนด้วยยางไม้มีอายุเก่าแก่ประมาณ 3,000 ปี โดยเขียนสัญลักษณ์ใช้สื่อความหมายให้เข้าใจในหมู่เดียวกัน และอาจจะเป็นสื่อทางพิธีกรรม และความเชื่อของคนในยุคนั้น และยังพบ รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา เมื่อ พ.ศ. 2537 กรมศิลปากรได้ทำการซ่อมมณฑปบนภูเขาบริเวณวัดพระพุทธฉาย และเมื่อรื้อพื้นซีเมนต์พบรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาอยู่ใต้ทรายปรากฏเห็นเป็น รูปรอยประทับในหิน
ประวัติการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า "เงามหัศจรรย์หรือพระพุทธฉาย"
พระพุทธฉาย มีประวัติความเป็นมาจากชาดกในสมัยพุทธกาลว่า ครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธองค์จะเสด็จออกจากพระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ ไปจำพรรษา ณ พระวิหารบุพพาราม กรุงสาวัตถี ซึ่งพระนางวิสาขา อุบาสิกา สร้างอุทิศถวายพระพุทธเจ้าได้ประทานอุปสมบท(บวช) พระปิณโฑละฯ ให้เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา แล้วได้ทรงมอบให้พระโมคคัลลานะพาไปปฏิบัติสมณะธรรม จนกว่าจะได้สำเร็จมรรคผล พระโมคคัลลานะได้นำพาไปปฏิบัติสมณธรรมในชมพูทวีป(อินเดีย) หลายแห่งก็ไม่สามารถบรรลุมรรคผลได้ตามประสงค์ จึงได้พามาปฏิบัติสมณธรรมในปัจจันตชนบท โดยกำหนดเอาประเทศสุวรรณภูมิ(ประเทศไทย) ณ ภูเขาฆาฏกะอันเป็นที่อาศัยของนายพรานฆาฏกะกับบริวาร จึงได้สำเร็จมรรคผลเป็นพระอริยะบุคคลในพระพุทธศาสนา ระหว่างที่มาปฏิบัติสมณะธรรมอยู่ ณ สถานที่นี้พระโมคคัลลานะได้ทราบพฤติกรรมของนายพรานฆาฏกะกับบริวารว่าเป็นผู้ ที่มีสันดานหยาบช้า โหดร้าย ทารุณ มีอาชีพทางล่าสัตว์ พระโมคคัลลานะได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายประการ เพื่อจะยังสันดานของนายพรานฆาฏกะให้เลื่อมใสแต่ไม่สำเร็จ ต่อเมื่อได้กลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าจึงเสด็จมาโปรด และได้ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์หลายอย่างหลายประการด้วยกัน เพื่อให้นายพรานฆาฏกะได้ละทิฏฐิมานะสันดานหยาบช้า จนในที่สุดได้มีศรัทธาเลื่อมใสถึงกับทูลขออุปสมบทพระบรมศาสดาได้ทรงประทานเอ หิภิกขุอุปสัมปทา (บวชให้ด้วยพระองค์เอง) แล้วตรัสสั่งสอนให้ ปฏิบัติสมณะธรรมจนได้สำเร็จพระอรหันต์เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา
เมื่อพระบรมศาสดาจะเสด็จกลับบุพพาราม ภิกษุฆาฏกะได้ทูลขอติดตาม พระองค์ได้ทรงห้ามไว้เพื่อให้อยู่ช่วยประกาศพระศาสนา พระฆาฏกะได้ทูลขอสิ่งที่เคารพสักการะ พระองค์จึงได้ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้เงาของพระองค์ติดไว้ ณ เงื้อมภูเขาแห่งนี้ และได้ประทับ "รอยพระพุทธบาท" ติดไว้ ณ บนยอดภูเขาแห่งนี้ด้วย ซึ่งจะได้เป็นที่สักการะเคารพกราบไหว้บูชาของพระฆาฏกะและบริวาร ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วไป จึงปรากฏ "พระพุทธฉาย" บนไหล่เขาสระบุรี ตราบเท่าทุกวันนี้
นอกจากนี้บริเวณเขาพระพุทธฉายมีหน้าผาสูงชันจึงมีเอกชนเข้ามาจัดกิจกรรมเชิงผจญภัยปีนหน้าผาโรยตัวอีกด้วย
การเดินทาง
จากเส้นทาง กรุงเทพ - สระบุรี (ถนนพหลโยธิน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1) ก่อนเข้าถึงตัวจังหวัดสระบุรีประมาณ 5 กิโลเมตร หากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ให้กลับรถ แล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปยังบ้านพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี หรือถ้าท่านเดินทางจากภาคอีสาน และภาคเหนือ ก็สามารถเลี้ยวซ้ายตรงทางเข้าถนนหมู่บ้านได้ทันที นอกจากนี้หากท่านโดยสารด้วยรถไฟ ให้ลงที่สถานี เมืองสระบุรี แล้วต่อสองแถวไปยังวัดพระพุทธฉาย ด้วยระยะทางเพียง 10 กิโลเมตร เท่านั้น ท่านก็จะได้พบกับ "รอยพระพุทธบาท อันศักดิ์สิทธิ์"
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.watphraphutthachai.com/
น้ำตกมวกเหล็ก
น้ำตกเจ็ดคด